2017年8月27日日曜日

สัญญา......ตอนเช้ามืด

"แม่คะ มดไปใส่บาตรก่อน เดี๋ยวกลับมานะ"

แล้วก็ถือถุงข้าวสวย และกับข้าว ขนมหวานที่แม่เตรียมให้
เดินออกจากบ้านไปคอยพระจากวัดต่าง ๆ รอบบ้านแถวนั้น
บ้านมดอยู่ใกล้กับ"อนุสาวรีย์สามกษัตริย์"มีวัดอยู่รายรอบ
มีพระหลายรูปเดินผ่านเสมอทั้งขาไปและกลับ..
มดถอดรองเท้า ใส่บาตรด้วยปัจจัยที่เตรียมไว้จนถึงพระสงฆ์รูปสุดท้าย

"ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนกุศลให้กับ คนงานก่อสร้างเสียชีวิตในบริษัทข้าพเจ้าเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เมื่อได้รับส่วนบุญนี้แล้วขอให้ไปสู่สุคติ อย่าได้เบียนเบียนซึ่งกันและกันอีกเลย"

รู้สึกโล่งในอก
"ฉันทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ตามสัญญาแล้ว อย่าทำให้เขาบาดเจ็บมากกว่านี้อีกเลยนะ "
แล้วก็เก็บภาชนะเดินเข้าบ้าน....

วันศุกร์ที่แล้ว..
หลังจากที่ได้สังเกตุอาการช้ำที่หน้าผาก ประธานชาวญี่ปุ่น มาหลายวัน
แต่ดูวันนั้น อาการช้ำดูบวมเบ่ง ช้ำเลือด ขยายเป็นบริเวณกว้างมากขึ้นจนน่ากลัว
จนต้องเอ่ยปากถาม..

"社長 御でこどうしましたか?" ประธานคะหน้าผากเป็นอะไรคะ?
"垂れてた とても痛い"       มันบวม เจ็บมาก ๆ
"どうして?何かぶつかりましたか" ทำไมคะ ไปโดนอะไรมาหรือคะ?
"うん・・毎朝、そこに通ると、その木に当たっちゃうんだよ" เออ...ทุกเช้า ตอนเดินผ่านที่นั่นจะชนกับไม้นั่นทุกทีน่ะ

ประธานมักมาถึงบริษัทแต่เช้า เพื่อเดินดูผลงานของวานนี้ก่อนพนักงานเสมอ

มดมีหน้าที่สารพัดในบริษัทญี่ปุ่นแห่งนี้ บริษัทผลิตกรอบหลุยส์ส่งออกยุโรป ญี่ปุ่น ฯลฯ
มดรับผิดชอบกระบวนการสุดท้าย คือตกแต่งกรอบ เช็คคุณภาพก่อนประกอบ จนเพคกิ้ง วัน ๆ อยู่ในชุดเอี๊ยมมือและเล็บดำปี๋ หน้าตาก็มอมแมม เสื้อผ้าเปื้อนทั้งฝุ่น สี เลคเกอร์ แชล็ค บวกแป้งติดจนเป็นคราบแข็ง ๆ กลับบ้านแบบนี้ทุกวัน บริษัทตอนนั้นคนงานยังไม่ชินต้องสอนเทคนิค ใช้แป้งสี พ่นกาว แชล็คเคลือบด้วยปืนพ่นต่าง ๆ มากมายทุกวัน ตามทักษะที่ได้เรียนรู้ตอนไปฝึกงานที่ญี่ปุ่นคราวนั้น
  หนักกว่านั้นมดยังทำหน้าที่พนักงานขับรถ ล่าม และช่างถ่ายรูป พนักงานต้อนรับ ฯลฯ สารพัด
เพราะทำงานได้หลากหลายเลยทำให้ต้องใกล้ชิด ติดต่อปรึกษาหารืองานกับประธานบริษัทมากเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ

ตอนนั้นบริษัทเรา กำลังสร้างอาคาร 2 ชั้นเพิ่ม  ช่วงนั้นมีการผลิตในอาคารหลังแรกอยู่แต่ไม่มากมายนัก และได้ข่าวว่าในวันหยุดได้มีคนงานชายตกลงมาจากชั้น 2 เสียชีวิต สาเหตุเพราะใส่รองเท้าแตะเปียกน้ำ ทำให้ลื่นพลัดตกลงมา ศีรษะกระแทกพื้นเสียชีวิตทันที
สัปดาห์ที่ผ่านมา คนงานก่อสร้างจึงทำไม้กั้นขวางไว้เพื่อไม่ให้ใครผ่านหรือเดินข้าม เพราะเป็นจุดที่คนงานชายเสียชีวิต(ได้ยินว่าคนไทยเราถือว่าจิตเขายังตกอยู่ที่เสียชีวิตนั้น จึงไม่ให้ใครเดินข้าม)
แต่มาคิดดูว่าช่องเสาอาคารเรียงกันตั้งสิบกว่าช่อง มีช่องสุดท้ายช่องเดียวที่มีไม้พาดขวางไว้
แต่ประธานก็ไม่เดินผ่านช่องอื่น นอกจากช่องที่มีไม้กั้นไว้ช่องนี้ ในทุก ๆ เช้า

มดซักต่อเรื่อย ๆ ถึงรู้ว่า
รอยบวมที่หน้าผากที่ปูดมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็เพราะ เขามักเดินก้มศีรษะลอดผ่านไม้ที่กั้นไว้ แต่ก้มไม่พ้น 
หน้าผากเลยกระแทกโดนไม้ทุกวันร่วมอาทิตย์หนึ่งแล้ว

 "ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องเดินผ่านตรงนั้น พอจะก้มลงก็ลอดก็ไม่พ้น หน้าผากจะต้องชนกับไม้นั่นทุกที" 

ได้ยินแล้วก็ให้รู้สึกสงสาร มิน่าเล่า เพราะเดินผ่านที่ช่องนี้เป็นอาทิตย์ หน้าผากเลยชนที่เดียวจน บวม ปูด แดง ขึ้นเรื่อย ๆ

เวลามีเรื่องสีเทาแบบนี้มดมักเงียบไว้ ไม่ได้พูดคุยหารือกับเพื่อนร่วมงานแม้แต่คนเดียว
เพียงหลังเสร็จงานวันนั้นมดโทรบอกแม่เตรียมของใส่บาตรเอาไว้ให้ และ เย็นวันนั้นก่อนจะขับรถพาเพื่อน ๆ กลับเข้าเชียงใหม่กัน
มดเดินไปยังจุดเกิดเหตุ ตรงช่องที่มีไม้กั้นขวางอยู่ มองจุดที่เขาเสียชีวิตได้สัญญากับจิตของเขา ณ.ตรงนั้น โดยมากจะตั้งจิตให้ นิ่ง ๆ หายใจลึก ๆ ยืน หลับตาเอาใจพูดกับเขา ซึ่งเป็นใครก็ไม่ได้รู้จักชื่อเขาเพราะคนงานรับเหมาก่อสร้างมีเยอะมาก เขาอาจเคยเห็นมดแต่มดไม่รู้หรอกว่าเขาคือใคร

"ขอให้ไปสู่สุคติ อย่าทำร้ายประธานให้บาดเจ็บแบบนี้เลย เขาอายุมากแล้ว..เขามาสร้างงานให้กับคนบ้านเรา วันพรุ่งนี้ก็วันเสาร์จะตื่นตี 5 ใส่บาตร อุทิศส่วนกุศลไปให้นะ"


"ง่วง.ง่วงมาก..วานนี้เลิกงานกว่าจะถึงบ้านก็ตั้ง 4 ทุ่ม พรุ่งนี้ก็วันอาทิตย์ ขอเลื่อนไปเป็นพรุ่งนี้นะ"....
ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด...... ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด.......... ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด.............

"อื่อออออ....." แล้วก็เอื้อมมือกดปิดเสียงนาฬิกา ที่ตั้งปลุกไว้ก่อน ตี 5   15 นาที

มดนึกขอผลัดผ่อนกับเขาในใจ เพราะปกติวันหยุดแบบนี้มักเพลียตื่นเอา 10 โมงเช้าก็ยังมี

แต่อีกราว 5 นาทีต่อมา          "กริ๊งงงงงงงง กริ๊งงงงงงงงงงง"    "กริ๊งงงงงงงง กริ๊งงงงงงงงงงง"

เสียงของโทรศัพท์ตรง กลางบ้าน ก็ดังขึ้นไม่หยุด

"โอ๊ยยยยย ตีสี่ตีห้านี่นะ...ใครโทรมา.....หนวกหู..."

ห้องของมดอยู่ติดกับบันไดชั้นสอง และอยู่ใกล้โทรศัพท์มากกว่าห้องอื่น ๆ ในบ้าน
คิดแล้วก็ต้องลุกจากเตียง เดินออกจากห้อง ไปรับสาย..

มด : ฮัลโล
สาย:・・・・(เงียบ)
มด  :ฮัลโล ๆ
สาย:・・・・(เงียบ)
มด : ใครคะ?? ฮัลโล ๆ 
สาย:・・・・(เงียบ)

เริ่มฉุนขึ้นมานิด ๆ  ใครกัน มีธุระอะไรจะโทรมาแต่เช้ามืด แกล้งกันหรือเปล่า ไม่มีมารยาทไม่พอ ไม่คุยอีก
นี่ฉันต้องลุกขึ้นไปรับสาย ทั้งที่ยังเพลียอยู่เลยนะ..

แต่พอได้หงุดหงิด ตาก็สว่าง ... เหลือบมองนาฬิกาก็เห็นว่ายังอีก 10 นาทีก็จะตี 5

"เอาละ ไหน ๆ ก็ตื่นแล้ว ลุก!  ไปใส่บาตรละกัน..."

หลังจากกลับเข้าบ้าน จัดการกับกิจวัตรประจำวันแล้วก็มานั่งคิด
อืม...ไม่รู้ว่า ใครโทรมาที่บ้านตอนก่อนตี 5  แต่มดคิดว่าไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์จากใคร แต่เสียงกริ่งนั้นก็ปลุกมดให้ลุกขึ้น ตาสว่างได้ ไม่พอยังช่วยให้มด


 ไม่ผิดสัญญาที่ให้ไว้กับคนงานตอนเย็นวานนี้ ไปใส่บาตรได้ตอนตี 5 เป๊ะ ซะด้วยสิ 

เรื่องของวันเสาร์เช้ามืดทำให้มดเริ่มรู้สึกสนใจ ที่จะสอบถามถึงคนงานกับเรื่องราวการเสียชีวิต และรู้ว่าพิธีศพของเขายังอยู่ที่วัดด้านหลังกำแพงบริษัทซึ่งไม่ได้ไกลจากบริษัทเลย มดไปที่วัดกับเพื่อนสองสามคนหลังทานกลางวัน วันนั้น
แล้วก็ได้รู้ว่าคนงานชายคนนี้มีทั้งภรรยา น้องชาย และลูกยังเล็ก ตามมาทำงานกับเขาจากภาคอีสาน
เมื่อได้ไหว้ศพและทำบุญให้  แล้วได้พูดคุยกับภรรยาที่เล่าไปด้วยร้องไห้ไปด้วย รู้สึกถึงความลำบาก ไม่มีรายได้ และขาดหัวหน้าครอบครัว มดแนะนำงานที่บริษัทของเราให้เขาหลังจากนั้น

มาวันนี้จึงได้รู้ว่า เหตุผลที่ต้องทำให้ประธานบาดเจ็บนั่นก็อาจเพราะด้วยสาเหตุ
ของจิตที่เต็มไปด้วย"ความห่วง"และต้องการช่วยเหลือครอบครัวของเขา  
ซึ่งถ้าเขาทำกับคนอื่น ๆ  บาดเจ็ม มดคงไม่ได้สนใจมากนัก  ความได้ผลไม่เท่ากับกระทำกับประธานที่เคารพเหมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง หลังจากวันนั้นก็ไม่มีเรื่องใดกับประธาน 
และรอยบวมที่หน้าผากก็ยุบหายไวและไร้ร่องรอยอีกด้วยสิ




0 件のコメント:

コメントを投稿